top of page
ปรับนิสัยที่ผิดปกติ

นิสัยผิดปกติที่พบบ่อยในเด็กคือ ติดดูดนิ้ว

คุณพ่อคุณแม่ที่ลูกยังเล็ก แน่นอนว่าต้องเคยเห็นเด็ก ๆ เอานิ้วเข้าปากกันทุกคน ถูกแล้ว มันเป็นพัฒนาการที่ปกติในเด็กเล็ก ๆ อายุประมาณ 1-2 ขวบ ที่เด็กจะเริ่มสนใจร่างกายของตัวเอง สนใจสิ่งรอบตัว ชอบอะไรเป็นต้องเอามาทดสอบด้วยการอม กัด แทะ อยู่เสมอ การเอานิ้วเข้าปากนั้นเด็กจะค่อย ๆ เลิกไปเองเมื่อโตขึ้นอายุประมาณ 2-3 ขวบ และหันไปให้ความสนใจสิ่งรอบตัวด้วยทักษะอย่างอื่น แต่ในเด็กบางคนไม่เลิก ยังเอานิ้วเข้าปาก และดูดนิ้วจนกระทั่งโต ดูดแรงจนนิ้วเป็นแผล หรือเป็นรอยผิวหนังด้านกันเลยทีเดียว  ในเด็กส่วนใหญ่ที่ติดการดูดนิ้วจนถึงวัยที่ต้องไปโรงเรียนอนุบาลมักจะเลิกการดูดนิ้วในช่วงตอนกลางวัน หรือตอนที่ยังตื่นอยู่ได้เอง เพราะ รู้สึกว่าคนอื่นไม่มีใครเขาดูดนิ้วกัน ถ้าฉันดูดนิ้วก็อายเพื่อนน่ะสิ แต่ในเวลาหลับผู้ปกครองมักจะเล่าให้หมอฟังว่า นิ้วเข้าปากเองเป็นอัตโนมัติ ดูดเสียงดังจ๊วบ ๆ เสียด้วย พอแม่ดึงเอานิ้วออก อีกประเดี๋ยวนิ้วก็กลับเข้าไปอยู่ในปากใหม่ เป็นอย่างนี้มาตลอดจนโตขึ้นชั้นประถม ทำยังไงก็เลิกไม่ได้ จึงเกิดคำถามว่า ติดดูดนิ้ว จะเกิดผลเสียกับโครงสร้างใบหน้าของเด็กหรือไม่

คำตอบคือ ยิ่งติดดูดนิ้วนานเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลเสียต่อโครงสร้างใบหน้ามากขึ้นเท่านั้น

เมื่อคนเราเอานิ้วใส่ปาก แน่นอนว่าเราต้องอ้าปาก  เมื่อร่างกายอ้าปากไว้นาน ๆ หลาย ๆ ชั่วโมงติดต่อกันเป็นประจำทุกวันต่อเนื่องเป็นปี ๆ ร่างกายจะเจริญเติบโตมาในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ให้กับการอ้าปากและการดูดนิ้ว  นั่นก็คือฟันบนกับฟันล่างจะอ้าออกจากกันอย่างถาวร นั่นก็หมายถึงว่า ถึงแม้เด็กจะไม่ได้สั่งร่างกายให้อ้าปาก เพื่อให้นิ้วอยู่ในปากได้ แต่ฟันจะอยู่ในตำแหน่งที่เว้นช่องไว้ให้นิ้วอยู่ในปากได้โดยที่ไม่ต้องอ้าปากเลย ครั้นถึงเวลาที่อยากจะกัดฟัน เพื่อกัดอาหาร ก็กัดไม่ลง เพราะฟันหน้าบนล่างมันอ้าออกจากกันอย่างถาวรไปแล้ว อยากจะกัดเส้นก๋วยเตี๋ยวให้ขาดก็ทำไม่ได้ มิหนำซ้ำ เมื่อเด็กเอานิ้ววางอยู่ในปาก จะเกิดแรงกดลงไปที่ขากรรไกรล่าง เป็นการยับยั้งการเจริญเติบโต ทำให้เด็กที่ติดการดูดนิ้วนั้น มักมีขากรรไกรล่างเล็ก ร่วมกับฟันหน้าบนกับฟันหน้าล่างยื่นเปิดออกจากกัน ไม่สามารถใช้ฟันหน้ากัดอาหารได้เลย
 

ดูดนิ้ว.jpg
ดูดนิ้วจนเด็กโต.jpg

ลักษณะอย่างนี้ นอกจากจะมีผลเรื่องรูปหน้าไม่ได้สัดส่วนและปากอูมแล้ว จะมีผลในเรื่องการพูดออกเสียงและการกลืนด้วย ต้องท้าวความก่อนว่า คนเราเวลาจะกลืนน้ำลาย หรือกลืนอาหาร จะต้องมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Anterior Oral Seal ซึ่งหมายถึงว่า ช่องปากส่วนหน้าจะต้องปิดสนิทไม่ให้อากาศเข้า ถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านลองทดสอบดูก็ได้ สังเกตว่าเวลาเรากลืนน้ำลาย เราจะต้องปิดปากและกัดฟันลงมาใช่หรือไม่ มันเป็นไปโดยอัตโนมัติที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คงไม่มีใครอ้าปากกลืนน้ำเป็นแน่แท้ คราวนี้ในเด็กที่ติดดูดนิ้วจนฟันบนฟันล่างอ้าออกจากกันอย่างถาวร เขาก็ต้องทำให้เกิด Anterior Oral Seal เช่นเดียวกัน แต่จะกัดลงมาให้ฟันหน้าบนล่างมันชนกันก็ทำไม่ได้ ร่างกายของเด็กเหล่านี้จึงต้องปรับตัวเองให้อยู่รอดโดย ลิ้นจะยื่นออกมาข้างหน้าเพื่ออุดช่องว่างนี้เวลาจะกลืนนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้อยู่นาน ๆ ลิ้นก็จะอยู่ในตำแหน่งที่มาข้างหน้าตลอดเวลา ไม่ว่าจะในเวลาใดก็ตาม จึงทำให้เวลาพูดจะมีอาการพูดไม่ชัด ลิ้นคับปาก กระดกลิ้นไม่ได้ ทำลิ้นรัว ๆ แบบ ร.เรือ ยิ่งไม่ได้ใหญ่  เวลาทานอาหารก็เหมือนจะมีอาหารรั่วออกมาจากปากได้ง่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อบุคลิกภาพตามมา

ติดดูดนิ้วส่งผลมากมายขนาดนี้แล้วจะแก้ไขอย่างไรดี

เริ่มแรกลองแก้ไขด้วยตัวเองก่อน ก่อนอื่นต้องคุยกับเด็กว่าการดูดนิ้วจะมีผลเสียอย่างไร ให้เด็กรู้และเข้าใจเหตุผล และอยากเลิกด้วยตัวเองก่อน ในขั้นต้นเมื่อเด็กอยากเลิกด้วยตัวเองจริง ๆ แล้ว จะสามารถบังคับตัวเองตอนที่ตื่นอยู่ไม่ให้ดูดนิ้วได้ เหลือแต่ตอนนอนหลับที่นิ้วจะขยับเข้าปากเองโดยไม่รู้ตัว พอมาถึงขั้นนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตว่า ลูกของเราชอบเอานิ้วไหนเข้าปาก เด็กที่ติดดูดนิ้วจะมีนิ้วประจำของเขาเสมอ ลองเอาพลาสเตอร์พันแผลพันหนา ๆ พันที่นิ้วนั้น หรือเอาผ้าที่เป็นยางยืดรัดบริเวณข้อศอกให้งอศอกได้ลำบากขึ้น หรือ นำถุงมือยาว ๆ มาสวมมือข้างนั้น เพื่อไม่ให้เด็กเอานิ้วเข้าปากได้ ทั้งนี้การแก้ไขด้วยตัวเองนี้ถ้าทำแล้วไม่ได้ผล จนกระทั่งฟันแท้ซี่แรกขึ้น ซึ่งคืออายุประมาณ 5-6 ขวบ ควรต้องพาลูกมาพบหมอฟันเพื่อใส่เครื่องมือแก้ไขการดูดนิ้ว มิฉะนั้นยิ่งปล่อยนาน ยิ่งแก้ยาก และจะมีผลต่อโครงสร้างใบหน้าผิดเพี้ยน พูดไม่ชัด รูปปากไม่สวยแล้วจะยิ่งแก้ไขยากขึ้นไปอีก

bottom of page